แพทยสภา ต้องมีสถานะที่ชัดเจนกว่าเดิม ซึ่ง เดิมคลุมเครือมากที่สุด เพราะระบุเพียงเป็นนิติบุคคล
ซึ่งก่อให้เกิดการตีความ ถึงสถานะ เพื่อการตรวจสอบในด้านต่างๆ ที่เป็นปัญหามาก
1.ระบบการเงิน มีเงินหมุนเวียนทั้งจากงบสนับสนุน ค่าธรรมเนียมสอบ ค่า License จำนวนมากสู่แพทยสภา และ สถาบันการศึกษาในสังกัด (ส.มหิตลาธิเบศร ที่มีหลักสูตรระดับเกือบสองแสน) และ อีกหลายหน่วยงาน ถามว่า มาตรฐานการตรวจสอบ อยู่ที่ไหน?
มีระบบการจัดจ้างบริษัท E-Vote เพื่อทำการเลือกตั้งที่ถูกร้องเรียนเรื่องความโปร่งใส (มีเรื่องร้องเรียนฟ้องร้องกันอยู่ทุกปีเรื่องเลือกตั้ง) โดยอ้างว่า ไม่ต้องประมูลตามระบบราชการ เราแอบได้ยินเสียงเบาๆ แว่วมาประมาณว่า "บริษัท E-Vote เค้าใช้เจ้าเดียว ไม่ต้องประมูล เลือกตามๆกันมา แบบสภาอื่น" เพราะไม่อยู่ใต้พรบ.จัดซื้อจัดจ้าง
เงินเดือน และ ระบบบัญชี การบริหารพัสดุต่างๆ ของ หน่วยงานในสังกัด ที่ไร้การตรวจสอบจากกฎหมายว่าด้วย การจัดซื้อ จัดจ้าง พัสดุ พูดง่ายๆ ว่าหย่อนยาน มาหลายสิบปี ด้วยเหตุผลเดียว คือ การกอดกับข้ออ้างว่า "ก้อ...นี่คือองค์กรวิชาชีพ ต้องมีความอิสระ ไม่ขึ้นกับการปกครอง ควบคุมของรัฐ และ ก็ไม่มีกฎหมายมาควบคุมตรวจสอบพวกเราเรื่องเงิน เหมือนแบบราชการใดๆทั้งสิ้น นะสิ " คงมีเฉพาะผู้ตรวจสอบบัญชีตามระบบนิติบุคคล ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น
2. การพิจารณาคดีความต่างๆ ต้องสู่ ศาลปกครอง อย่างเดียว ทั้งๆ ที่มี อีกหลายมิติ ทั้ง เรื่อง แพ่ง เรื่องแรงงาน เรื่องอาญา เรื่องนี้ แม้แต่ ศาลเองยังต้องตีความมากมาย เมื่อมีผลประโยชน์เป็นตัวเงิน อาจเกิดการทุจริต เชิงนโยบาย หรือ เมื่อมีผู้เสียหาย ซึ่งอาจกำลังเข้าใจว่า ถูกฉ้อโกง หลอกลวง เรื่อง หลักสูตร ประกาศนียบัตร การมอบคุณวุฒิต่างๆ ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้น
แต่เวลาฟ้อง ยากเย็น แสนเข็ญ ต้อง ฟ้องศาลปกครองเท่านั้น
การระบุสถานะ ให้ชัดเจน จะทำให้ แพทยสภา สามารถขึ้นศาลได้ทุกศาล ทั้ง ศาลปกครอง ศาลแพ่ง ศาลอาญา และ ถูกตรวจสอบ โดย องค์กรหลัก ๆ เช่น กรมบัญชีกลาง. สตง. ปปช. (ไม่ใช่ รอให้ แพทย์รวมตัวกัน 30 คน มายื่นหนังสือให้ตรวจสอบ ตามกฎหมายเดิม ซึ่ง โอกาสน้อยมาก) เพราะ จริงๆแล้ว แพทยสภา มี นิติสัมพันธ์ ต่อ แพทย์ และ ประชาชน ไม่เฉพาะการใช้อำนาจปกครอง แต่ เป็น เรื่องทาง แพ่ง ในเรื่องสัญญา และ ในทางอาญา ในเรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ โดยชอบ หรือ มิชอบด้วย และ ความเสี่ยงในเชิงการแสวงหาผลประโยชน์อีกมากมาย (ตย.การ งด การมอบประกาศนียบัตรให้คนที่เสียค่าสอบ และเรียนจบแล้ว มันก็เป็นเรื่อง ความขัดแย้งทางแพ่ง)
3. สีเทาๆ ของ แพทยสภา ไม่สามารถกระทำให้ขาวได้ ในเมื่อ การลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการแพทยสภา โดย แพทย์ทั้งประเทศมาใช้สิทธิ คงที่ 20 กว่าเปอร์เซนต์ มาหลายสิบปี และ ผู้ได้รับเลือกมาตลอดก็ไม่ได้กระตือรือล้นที่จะพัฒนา จึงไม่ต้องหวังให้พวกเขา แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ในส่วนนี้
4. นี่คือ ความเปลี่ยนแปลง ใน มาตรา 6 ที่ สมัชชาแพทย์ปฏิรูป นำเสนอร่างกฎหมาย พรบ.วิชาชีพเวชกรรม ให้ แพทยสภา เป็น หน่วยงานอื่นของรัฐ
ถ้าทุกคนเห็นด้วย ช่วย แชร์ และ สนับสนุน พวกเราจะพยายามให้สำเร็จให้ได้ครับ
แอดมิน ประชาคมแพทย์
ประมานงาน สมัชชาแพทย์ปฏิรูป
16 กย.2568
#สถานะของแพทยสภา
#มาตรา6
#ร่างพรบวิชาชีพเวชกรรม
#สมัชชาแพทย์ปฏิรูป ดูน้อยลง

เราาใช้คุกกี้ในการวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดีขึ้น เมื่อยอมรับการใช้งานคุกกี้ของเรา เราจะรวบรวมข้อมูลของคุณกับข้อมูลผู้ใช้อื่นๆ ทั้งหมด